หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

DATETIME : เป็นฟิลด์ชนิดที่เหมาะสมกับการเก็บข้อมูลวันที่ และเวลา โดยจะเก็บได้ตั้งแต่ 1 มกราคม ค.ศ. 1000 เวลา 00:00:00 ไปจนถึง 31 ธันวาคม ค.ศ. 9999 เวลา 23:59:59 ครับ โดยรูปแบบการแสดงผล เวลาที่ทำการสืบค้น (query) ออกมา จะเป็น YYYY-MM-DD HH:MM:SS
TIMESTAMP[(M)] : เอาไว้เก็บเวลาเช่นกันครับ แต่จะเก็บในรูปแบบของ YYYYMMDDHHMMSS หรือ YYMMDDHHMMSS หรือ YYYYMMDD หรือ YYMMDD แล้วแต่ว่าเราจะระบุค่า M เป็น 14, 12, 8 หรือ 6 ตามลำดับ โดยความเห็นส่วนตัวของผมแล้ว การเก็บค่า วันเดือนปี และเวลา ในรูปแบบนี้มันเอาไปใช้งานสะดวกดี เราสามารถเก็บได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1000 ไปจนถึงแถวๆ ปี ค.ศ. 2037
TIME : อันนี้เอาไว้เก็บเวลาครับ มีค่าได้ตั้งแต่ -838:59:59 ไปจนถึง 838:59:59 โดยจะแสดงผลออกมาในรูปแบบ HH:MM:SS
YEAR[(2/4)] : อันนี้ก็สมดังชื่อครับ คือเอาไว้เก็บปี ในรูปแบบ YYYY หรือ YY แล้วแต่ว่าจะเลือก 2 หรือ 4 (หากไม่ระบุ จะถือว่าเป็น 4 หลัก) โดยหากเลือกเป็น 4 หลัก จะเก็บค่าได้ตั้งแต่ ค.ศ. 1901 ถึง 2155 แต่หากเป็น 2 หลัก จะเก็บตั้งแต่ ค.ศ. 1970 ถึง 2069
ข้อสังเกตมีข้อสังเกตเกี่ยวกับฟิลด์ชนิด TIMESTAMP และ YEAR นิดหน่อยครับ นั่นก็คือ
  • ค่าที่เก็บในฟิลด์ชนิด TIMESTAMP นั้นจะมีความสามารถพอๆ กับ การเก็บข้อมูลวันเดือนปี และเวลา ด้วยฟิลด์ชนิด VARCHAR แต่ต่างกันตรงที่ จะใช้เนื้อที่เก็บข้อมูลน้อยกว่า... ทว่า ฟิลด์ประเภท TIMESTAMP นั้นจะมีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาที่สามารถเก็บได้ คือจะต้องอยู่ในระหว่าง 1 มกราคม ค.ศ. 1000 ไปจนถึงแถวๆ ค.ศ. 2037 อย่างที่บอก แต่หากเก็บเป็น VARCHAR นั้นจะไม่ติดข้อจำกัดนี้
  • ฟิลด์ชนิด YEAR ก็เช่นกันครับ... ใช้เนื้อที่แค่ 1 ไบต์เท่านั้นในการเก็บข้อมูล แต่ข้อจำกัดจะอยู่ที่ ปี ค.ศ. 1901 ถึง 2155 เท่านั้น (หรือ ค.ศ. 1970 ถึง 2069 ในกรณี 2 หลัก) แต่หากเก็บเป็น VARCHAR จะได้ตั้งแต่ 0000 ถึง 9999 เลย อันนี้เลยอยู่ที่ความจำเป็นมากกว่าครับ (แต่ด้วยความที่ว่า ปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ราคาถูกมากๆ ผมเลยไม่ติดใจอะไรที่จะใช้ VARCHAR แทน เพื่อความสบายใจ อิอิ เพราะสมมติว่ากินเนื้อที่ต่างกัน 3 ไบต์ ต่อ 1 ระเบียน มีข้อมูล 4 ล้านระเบียน ก็เพิ่งต่างกัน 12 ล้านไบต์ หรือ 12 เมกะไบต์เท่านั้นเอง ซึ่งหากเทียบกับปริมาณข้อมูลทั้งหมดของข้อมูล 4 ล้านระเบียน ผมว่ามันต้องมีอย่างน้อยเป็นกิกะไบต์ ดังนั้นความแตกต่างที่ไม่กี่เมกะไบต์จึงไม่มากมายอะไร)
CHAR : เป็นข้อมูลประเภท string แบบที่ถูกจำกัดความกว้างเอาไว้คือ 255 ตัวอักษร ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้เหมือนกับ VARCHAR ครับ หากเราทำการสืบค้นโดยเรียงตามลำดับ มันก็จะเรียงข้อมูลแบบ case-sensitive คือ คำนึงถึงตัวอักษรเล็ก และใหญ่ เว้นเสียแต่เราจะกำหนดแอตทริบิวต์เป็น BINARY ที่จะทำให้การเรียงข้อมูลเป็นแบบ non case-sensitive ครับ คือ ตัวอักษรใหญ่ และเล็ก มีค่าเท่ากัน
TINYBLOB : ฟิลด์ชนิด BLOB นั้นจะมีไว้เพื่อเก็บข้อมูลประเภทไบนารี พูดง่ายๆ คือพวก ไฟล์ข้อมูลต่างๆ, ไฟล์รูปภาพ, ไฟล์มัลติมีเดีย เป็นต้น คือไฟล์อะไรก็ตามที่อัพโหลดผ่านฟอร์มอัพโหลดไฟล์ในภาษา HTML ประมาณนั้น (จะกล่าวถึงภายหลังแน่นอน ตอนที่จะลองประยุกต์พัฒนาเว็บแอปพลิเคชันสักตัว) โดย TINYBLOB นั้นจะมีเนื้อที่ให้เก็บข้อมูลได้ 256 ไบต์
TINYTEXT : ในกรณีที่ข้อความยาวๆ หรือต้องการที่จะค้นหาข้อความ โดยอาศัยฟีเจอร์ FULL TEXT SEARCH ของ MySQL (จะกล่าวถึงในตอนประยุกต์การพัฒนาเว็บบอร์ด) เราอาจจะเลือกที่จะไม่เก็บข้อมูลลงในฟิลด์ประเภท VARCHAR ที่มีข้อจำกัดแค่ 256 ตัวอักษร แต่เราจะเก็บลงฟิลด์ประเภท TEXT แทน (ต้องขออภัยที่ผมลืมอธิบายส่วนนี้ ตอนที่พูดถึง TEXT)... TINYTEXT นี้ จะให้เราเก็บข้อมูลได้ 256 ตัวอักษร ครับ ซึ่งมองเผินๆ ก็ไม่ต่างกับเก็บลงฟิลด์ประเภท CHAR หรือ VARCHAR(255) เลย แต่จริงๆ มันต่างกันตรงที่ มันทำ FULL TEXT SEARCH ได้ไง
BLOB : เหมือน TINYBLOB ครับ แต่สามารถเก็บข้อมูลได้ 64KB
MEDIUMBLOB : เหมือน TINYBLOB เช่นกัน แต่เก็บข้อมูลได้ 16MB
MEDIUMTEXT : เหมือน TEXT ครับ แต่เก็บข้อมูลได้ 16,777,215 ตัวอักษร
LONGBLOB : เหมือน TINYBLOB เช่นกัน แต่เก็บข้อมูลได้ 4GB
LONGTEXT : เหมือน TEXT ครับ แต่เก็บข้อมูลได้ 4,294,967,295 ตัวอักษร
ข้อสังเกตฟิลด์ประเภท BLOB นั้น แม้จะมีประโยชน์ในเรื่องของการเก็บข้อมูลประเภท BINARY ให้อยู่กับตัวฐานข้อมูล ทำให้สะดวกเวลาสืบค้นก็ตาม แต่มันก็ทำให้ฐานข้อมูลบวมเกินความจำเป็นด้วยครับ ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการสำรองฐานข้อมูลในกรณีที่ มีข้อมูลอัพโหลดไปเก็บมากๆ โดยปกติแล้ว เราจะใช้วิธีการอัพโหลดไปเก็บไว้ในโฟลเดอร์ แล้วเก็บลิงก์ไปยังไฟล์เหล่านั้น เป็นฟิลด์ชนิด VARCHAR มากกว่า ครับ
SMALLINT : เป็นฟิลด์สำหรับเก็บข้อมูลชนิดตัวเลขที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยครับ คือ 16 บิต จึงสามารถเก็บค่าได้ตั้งแต่ -32768 ถึง 32767 (ในกรณีแบบคิดเครื่องหมาย) หรือ 0 ถึง 65535 (ในกรณี UNSIGNED หรือไม่คิดเครื่องหมาย) แน่นอนครับ สามารถเลือก Attribute เป็น UNSIGNED และ UNSIGNED ZEROFILL ได้เช่นเดียวกับ TINYINT
MEDIUMINT : เช่นเดียวกับ SMALLINT แต่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีก ก็คือ 24 บิต ครับ นั่นก็หมายความว่าสามารถเก็บข้อมูลตัวเลขได้ตั้งแต่ -8388608 ไปจนถึง 8388607 (ในกรณีแบบคิดเครื่องหมาย) หรือ 0 ถึง 16777215 (ในกรณีที่เป็น UNSIGNED หรือไม่คิดเครื่องหมาย) แน่นอนครับ สามารถเลือก Attribute เป็น UNSIGNED และ UNSIGNED ZEROFILL ได้เช่นเดียวกับ TINYINT
INT : เช่นเดียวกับ SMALLINT เช่นกัน แต่งานนี้จะเป็นขนาดปกติคือ 32 บิต หรือสามารถเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ -2147483648 ไปจนถึง 2147483647 ครับ (ในกรณีแบบคิดเครื่องหมาย) หรือ 0 ถึง 4294967295 (ในกรณีที่เป็น UNSIGNED หรือไม่คิดเครื่องหมาย) แน่นอนครับ สามารถเลือก Attribute เป็น UNSIGNED และ UNSIGNED ZEROFILL ได้เช่นเดียวกับ TINYINT
BIGINT : ในกรณีที่ต้องการเก็บค่าตัวเลขแบบเยอะเวอร์สุดๆ ก็ใช้นี่เลย เก็บข้อมูลแบบ 64 บิต สามารถเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ -9223372036854775808 ไปจนถึง 9223372036854775807 เลยทีเดียว (แบบคิดเครื่องหมาย) หรือ 0 ถึง 18446744073709551615 (ในกรณีที่เป็น UNSIGNED หรือไม่คิดเครื่องหมาย) แน่นอนครับ สามารถเลือก Attribute เป็น UNSIGNED และ UNSIGNED ZEROFILL ได้เช่นเดียวกับ TINYINT...
FLOAT[(M,D)] : ที่กล่าวถึงไปทั้งหมด ในตระกูล INT นั้นจะเป็นเลขจำนวนเต็มครับ หากเราบันทึกข้อมูลที่มีเศษทศนิยม มันจะถูกปัดทันที ดังนั้นหากเราต้องการจะเก็บค่าที่เป็นเลขทศนิยม เราต้องเลือกชนิดขอฟิลด์เป็น FLOAT ครับ อันนี้จะเก็บข้อมูลแบบ 32 บิต คือมีค่าตั้งแต่ -3.402823466E+38 ไปจนถึง -1.175494351E-38, 0 และ 1.175494351E-38 ถึง 3.402823466E+38...
DOUBLE[(M,D)] : ในกรณีที่ต้องการเก็บเลขทศนิยมในระดับที่ละเอียดแบบสุดๆ ไปเลย ก็ต้องเลือกชนิดนี้ครับ เพราะจะเก็บข้อมูลแบบ 64 บิต  สามารถเก็บได้ตั้งแต่ -1.7976931348623157E+308 ถึง -2.2250738585072014E-308, 0 และ 2.2250738585072014E-308 ถึง 1.7976931348623157E+308
DECIMAL[(M,D)] : อันนี้ต้องสารภาพตามตรงว่าอ่านจากข้อมูลที่หามาได้ แล้วก็งงครับ คือเขาบอกว่า เป็นข้อมูลชนิดตัวเลขแบบ unpacked คือ อนุญาตให้สามารถเก็บข้อมูลตัวอักษรเข้าไปได้ด้วย แต่จากการที่ผมลองใช้งานดู มันก็ไม่แตกต่างอะไรไปจาก ฟิลด์ชนิด DOUBLE เลย สามารถเก็บข้อมูลได้เท่ากัน และมีการใช้งานที่เหมือนกัน... ผมลองกรอกข้อมูลแบบเป็นตัวเลขปนตัวอักษรไป มันก็ไม่นับตัวอักษร และตัวเลขใดๆ ที่อยู่ตามหลังตัวอักษร
มีข้อสังเกตนิดนึง เกี่ยวกับข้อมูลชนิด FLOAT, DOUBLE และ DECIMAL ก็คือ เวลากำหนดความยาวของข้อมูลในฟิลด์ เราจะกำหนดในรูปแบบ (M,D) ซึ่งหมายความว่า เราต้องระบุด้วยว่า จะให้มีตัวเลขส่วนที่เป็นจำนวนเต็มกี่หลัก และมีเลขทศนิยมกี่หลักครับ... เช่น ถ้าเรากำหนดว่า FLOAT(5,2) จะหมายความว่า เราจะเก็บข้อมูลเป็นตัวเลขจำนวนเต็ม 5 หลัก และทศนิยม 2 หลัก... ดังนั้นหากเราใส่ข้อมูล 12345.6789 เข้าไป สิ่งที่จะเข้าไปอยู่ในข้อมูลจริงๆ ก็คือ 12345.68 (ปัดเศษให้มีจำนวนหลักตามที่เรากำหนด)
VARCHAR : เอาไว้เก็บข้อมูลประเภทตัวอักษรครับ ทุกครั้งที่เลือกชนิดของฟิลด์เป็นประเภทนี้ จะต้องมีการกำหนดความยาวของข้อมูลลงไปด้วย ซึ่งสามารถกำหนดได้ตั้งแต่ 1 - 255 ครับ... ฟิลด์ชนิดนี้ เหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลสั้นๆ เช่น ชื่อ นามสกุล หรือหัวข้อต่างๆ เป็นต้น... ในส่วนฟิลด์ประเภทนี้ จะสามารถเลือก "แอตทริบิวต์" เป็น BINARY ได้ครับ... ปกติแล้วการจัดเรียงข้อมูลเวลาสืบค้น (query) สำหรับ VARCHAR จะเป็นแบบ case-sensitive (ตัวอักษรใหญ่ และเล็กมีความหมายแตกต่างกัน) แต่หากระบุ "แอตทริบิวต์" เป็น BINARY ปุ๊บ การสืบค้นจะไม่คำนึงตัวอักษรว่าจะเป็นตัวใหญ่ หรือตัวเล็ก
TINYINT : ข้อมูลประเภทตัวเลขครับ แต่มีขนาดสูงสุดได้แค่ 8 บิต... ข้อมูลประเภทนี้เราสามารถกำหนดเพิ่มเติมในส่วนของ "แอตทริบิวต์" ได้ว่าจะเลือกเป็น UNSIGNED หรือ UNSIGNED ZEROFILL โดยจะมีความแตกต่างดังนี้
  • UNSIGNED : จะหมายถึงเก็บค่าตัวเลขแบบไม่มีเครื่องหมาย หรือพูดง่ายๆ คือ ไม่เก็บค่าลบเด็ดขาดนั่นเอง... แบบนี้จะทำให้สามารถเก็บค่าได้ตั้งแต่ 0 - 255
  • UNSIGNED ZEROFILL : เหมือนข้างต้นครับ แต่ว่าหากข้อมูลที่กรอกเข้ามาไม่ครบตามจำนวนหลักที่เรากำหนด ตัว MySQL จะทำการเติม 0 ให้ครบหลักเองครับ... เช่นเรากำหนดให้ใส่ได้ 3 หลัก แล้วเราเก็บข้อมูล 25 เข้าไป เวลาเราสืบค้นดู เราจะได้ค่าออกมาเป็น 025
หากเราไม่เลือก "แอตทริบิวต์" สิ่งที่เราจะได้ก็คือ SIGNED ครับ นั่นก็คือต้องเสียบิตนึงไปเก็บเครื่องหมาย บวก/ลบ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้อยู่ในช่วง -128 ถึง 127 เท่านั้น
TEXT : เอาไว้เก็บข้อมูลประเภทตัวอักษร แต่สามารถเก็บได้มากขึ้นครับ โดยสูงสุดคือ 65,535 ตัวอักษร หรือ 64KB นั่นเอง... เหมาะสำหรับเก็บข้อมูลพวกเนื้อหาต่างๆ ที่ยาวๆ

DATE : เอาไว้เก็บข้อมูลประเภทวันที่ โดยเก็บได้จาก 1 มกราคม ค.ศ. 1000 ถึง 31 ธันวาคม ค.ศ. 9999 โดยจะแสดงผลในรูปแบบ YYYY-MM-DD

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

คำสั่ง SQL

MYSQL ABS()
เป็นคำสั่งของ MySQL ใช้ในการหาค่าสมบูรณ์

Database : MySQL

Syntax

ABS(expression)


Sample 1

SELECT ABS(2)

Output 

2


MYSQL CURDATE() , CURRENT_DATE() , CURTIME() , CURRENT_TIME() , NOW() , SYSDATE()
เป็นคำสั่งของ MySQL กับ DateTime ใช้ในการหาอ่านค่า วันที่ หรือ เวลาในปัจจุบัน ของเครื่อง server 

Database : MySQL


Sample

SELECT CURDATE();
-> 2008-06-13

SELECT CURRENT_DATE();
-> 2008-06-13

SELECT CURTIME();
-> 23:50:26

SELECT CURRENT_TIME();
-> 23:50:26

SELECT NOW();
-> 2007-12-15 23:50:26

SELECT SYSDATE()
-> 2006-04-12 13:47:44


MYSQL DATE_FORMAT


MYSQL TIME_FORMAT()

MYSQL LAST_DAY()
เป็นคำสั่งของ MySQL กับ DateTime โดย LAST_DAY ใช้ในการหาวันที่สุดท้ายของเดือน

Database : MySQL

Syntax

LAST_DAY(date)


Sample

SELECT LAST_DAY('2003-02-05');
-> 2003-02-28

SELECT LAST_DAY('2004-02-05');
-> 2004-02-29

SELECT LAST_DAY('2004-01-01 01:01:01');
-> 2004-01-31

SELECT LAST_DAY('2003-03-32');
-> NULL


MYSQL ADDTIME()
เป็นคำสั่งของ MySQL กับ DateTime โดย ADDTIME ใช้ในการหา เพิ่มหรอลดค่าของเวลา

Database : MySQL

Syntax

ADDTIME(expr1,expr2)


Sample

SELECT ADDTIME('2007-12-31 23:59:59.999999', '1 1:1:1.000002');
-> 2008-01-02 01:01:01.000001

SELECT ADDTIME('01:00:00.999999', '02:00:00.999998');
-> 03:00:01.999997


MYSQL DATE_ADD() , DATE_SUB()


MYSQL DATE_ADD() , DATE_SUB()
เป็นคำสั่งของ MySQL กับ DateTime โดย DATE_ADD และ DATE_SUB ใช้ในการหา เพิ่มหรอลดค่าของวันที่

Database : MySQL

Syntax

DATE_ADD(date,INTERVAL expr unit)
DATE_SUB(date,INTERVAL expr unit)

expr argument for each unit value.

unit ValueExpected expr Format
MICROSECONDMICROSECONDS
SECONDSECONDS
MINUTEMINUTES
HOURHOURS
DAYDAYS
WEEKWEEKS
MONTHMONTHS
QUARTERQUARTERS
YEARYEARS
SECOND_MICROSECOND'SECONDS.MICROSECONDS'
MINUTE_MICROSECOND'MINUTES:SECONDS.MICROSECONDS'
MINUTE_SECOND'MINUTES:SECONDS'
HOUR_MICROSECOND'HOURS:MINUTES:SECONDS.MICROSECONDS'
HOUR_SECOND'HOURS:MINUTES:SECONDS'
HOUR_MINUTE'HOURS:MINUTES'
DAY_MICROSECOND'DAYS HOURS:MINUTES:SECONDS.MICROSECONDS'
DAY_SECOND'DAYS HOURS:MINUTES:SECONDS'
DAY_MINUTE'DAYS HOURS:MINUTES'
DAY_HOUR'DAYS HOURS'
YEAR_MONTH'YEARS-MONTHS'

ทั้งนี้ยังสามารถใช้ INTERVAL เข้ามา + หรือ - ค่าวันที่ได้เช่นเดียวกัน

date + INTERVAL expr unit
date - INTERVAL expr unit


Sample

SELECT '2008-12-31 23:59:59' + INTERVAL 1 SECOND;
-> 2009-01-01 00:00:00

SELECT INTERVAL 1 DAY + '2008-12-31';
-> 2009-01-01

SELECT '2005-01-01' - INTERVAL 1 SECOND;
-> 2004-12-31 23:59:59

SELECT DATE_ADD('2000-12-31 23:59:59', INTERVAL 1 SECOND);
-> 2001-01-01 00:00:00

SELECT DATE_ADD('2010-12-31 23:59:59', INTERVAL 1 DAY);
-> 2011-01-01 23:59:59

SELECT DATE_ADD('2100-12-31 23:59:59', INTERVAL '1:1' MINUTE_SECOND);
-> 2101-01-01 00:01:00

SELECT DATE_SUB('2005-01-01 00:00:00', INTERVAL '1 1:1:1' DAY_SECOND);
-> 2004-12-30 22:58:59

SELECT DATE_ADD('1900-01-01 00:00:00', INTERVAL '-1 10' DAY_HOUR);
-> 1899-12-30 14:00:00

SELECT DATE_SUB('1998-01-02', INTERVAL 31 DAY);
-> 1997-12-02

SELECT DATE_ADD('1992-12-31 23:59:59.000002', INTERVAL '1.999999' SECOND_MICROSECOND);
-> 1993-01-01 00:00:01.000001


MYSQL DAYOFMONTH()
เป็นคำสั่งของ MySQL กับ DateTime โดย DAYOFMONTH ใช้ในการหาวันที่ของเดือน ริ่มต้นจาก 1 ถึง วันสิ้นเดือน

Database : MySQL

Syntax

DAYOFMONTH(date)


Sample

SELECT DAYOFMONTH('2007-02-03');
-> 3



MYSQL REPEAT()
เป็นคำสั่งของ MySQL ใช้ในการแทนที่แสดงจำนวนข้อความ ตามจำนวน Loop ที่ต้องการ

Database : MySQL

Syntax

REPEAT(str,count)


Sample

SELECT REPEAT('MySQL', 3);
-> MySQLMySQLMySQL

SELECT REPEAT('ThaiCreate', 5);
-> ThaiCreateThaiCreateThaiCreateThaiCreateThaiCreate



MYSQL REVERSE()
เป็นคำสั่งของ MySQL ใช้ในการสลับตำแหน่งของข้อความ

Database : MySQL

Syntax

REVERSE(str)


Sample

SELECT REVERSE('abc');
-> cba

SELECT REVERSE('thaicreate');
-> etaerciaht


MYSQL INSTR()
เป็นคำสั่งของ MySQL ใช้ในการค้นหาตำแหน่งของข้อความ จากตำแหน่งแรกที่ค้นพบ

Database : MySQL

Syntax

INSTR(str,substr)


Sample

SELECT INSTR('foobarbar', 'bar');
-> 4

SELECT INSTR('xbar', 'foobar');
-> 0


MYSQL INSERT() String Function
เป็นคำสั่งของ MySQL ใช้ในการแทรกข้อคววามลงในประโยคตามตำแหน่งที่ต้องการ

Database : MySQL

Syntax

INSERT(str,pos,len,newstr)


Sample

SELECT INSERT('Quadratic', 3, 4, 'What');
-> QuWhattic

SELECT INSERT('Quadratic', -1, 4, 'What');
-> Quadratic

SELECT INSERT('Quadratic', 3, 100, 'What');
-> QuWhat



MYSQL RPAD() , LPAD()
เป็นคำสั่งของ MySQL ใช้ในการเพิ่มตำแหน่งตัวอักษรที่ต้องการ จากทางด้านซ้าย หรือ ด้านขวา

Database : MySQL

Syntax

LPAD(str,len,padstr)
RPAD(str,len,padstr)


Sample

SELECT RPAD('hi',5,'?');
-> hi???

SELECT RPAD('hi',1,'?');
-> h


SELECT LPAD('hi',4,'??');
-> ??hi

SELECT LPAD('hi',1,'??');
-> h



MYSQL FORMAT()
เป็นคำสั่งของ MySQL ใช้ในการกำหนด Fomat ของตัวเลข ตามต้องการ

Database : MySQL

Syntax

FORMAT(X,D)


Sample

SELECT FORMAT(12332.123456, 4);
-> 12,332.1235

SELECT FORMAT(12332.1,4);
-> 12,332.1000

SELECT FORMAT(12332.2,0);
-> 12,332


MYSQL REPLACE()
เป็นคำสั่งของ MySQL ใช้ในการแทนที่ค่าใน String ที่ต้องการ

Database : MySQL

Syntax

REPLACE(str,from_str,to_str)


Sample

SELECT REPLACE('www.thaicreate.com', 'w', 'Ww');
-> WwWwWw.thaicreate.com


SQL REPLACE



MYSQL CONCAT_WS()
เป็นคำสั่งของ MySQL ใช้ในการนำ String มารวมกันหรือต่อกัน โดยสามารถกำหนดเครื่องหมายขั้น หรือ Separator


Database : MySQL

Syntax

CONCAT_WS(separator,str1,str2,...)


Sample

SELECT CONCAT_WS(',','First name','Second name','Last Name');
-> First name,Second name,Last Name

SELECT CONCAT_WS(',','First name',NULL,'Last Name');
-> First name,Last Name


SQL CONCAT

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ซอฟแวร์ที่ใช้

1.Adobe Flash Player
          โปรแกรม Adobe Flash เป็นโปรแกรมที่ใช้สร้างสรรค์งานกราฟิก ที่ช่วยในการปรับแต่ง แก้ไข หรือออกแบบภาพ โดยทำได้ง่ายด้วยเทคนิค “ตัด เชื่อม ปรับเปลี่ยนรูปร่าง” โปรแกรม Adobe Flash มีการใช้งานโปรแกรม Adobe Flash เบื้องต้น ได้แก่ เทคนิคการวาดภาพกราฟิกส์และการ์ตูนด้วยการตัดเชื่อมปรับเปลี่ยนรูปร่าง, การสร้าง Graphic Symbol, การใช้เครื่องมือต่างๆของโปรแกรม และการสร้าง Animation ในโปรแกรม Adobe Flash ได้แก่ ภาพเคลื่อนไหวแบบ Motion Tween (แบบเคลื่อนที่), ShapeTween (แบบเปลี่ยนรูปทรง)  และ Frame by Frame (แบบเฟรมต่อเฟรม)

2.Adobe Photoshop CS5
         Adobe Photoshop CS5 โปรแกรมสร้าง และแก้ไขรูปภาพ อย่างมืออาชีพ  โดยเฉพาะนักออกแบบในทุกวงการย่อมรู้จักโปรแกรมตัวนี้ดี โปรแกรม Photoshop  เป็นโปรแกรมที่มีเครื่องมือมากมายเพื่อสนับสนุนการสร้างงานประเภทสิ่งพิมพ์ งานวิดีทัศน์ งานนำเสนอ  งานมัลติมีเดีย ตลอดจนงานออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ ในชุดโปรแกรม Adobe Photoshop  การที่จะใช้งานโปรแกรม Photoshop คุณต้องมีเครื่องที่มีความสามารถสูงพอควร มีความเร็วในการประมวลผล  และมีหน่วยความจำที่เพียงพอ ไม่เช่นนั้นการสร้างงานของคุณคงไม่สนุกแน่  เพราะการทำงานจะช้าและมีปัญหา ตามมามากมาย ขณะนี้โปรแกรม Photoshop ได้พัฒนามาถึงรุ่น Adobe  Photoshop CS5 พร้อมกับเครื่องมือที่สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้อย่างมากมาย

3.iMovie
         แอพนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาจากแนวความคิดที่ว่าคนส่วนใหญ่มักจะมีเวลาในการตัดต่อคลิปวิดีโอบนมือถือไม่มากนัก การออกแบบอินเตอร์เฟซสำหรับการใช้งงานจึงออกแบบอย่างเรียบง่าย เห็นแล้วเข้าใจทันทีว่าปุ่มไหนใช้ทำอะไรเพื่อให้บันทึกความทรงจำในช่วงเวลาที่สำคัญและแบ่งปันคลิปนั้นๆได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เปิดแอพขึ้นมาแล้วกดถ่ายเท่านั้น หลังจากนั้นก็นำมาตัดต่อเพิ่มเอฟเฟคต่างๆได้เหมือนแอพตัดต่อวิดีโอทั่วไป เช่น เพิ่มเอฟเฟคเคลื่อนไหวให้เร่งสปีดเร็วขึ้นหรือช้าลง เพิ่มเสียงเพลง และเพิ่ม transition เมื่อนำหลายๆคลิปมาเรียงต่อกัน
         จุดเด่นจริงๆของแอพนี้ก็คือการใส่สิ่งที่เรียกว่า ไฮไลท์หรือเหตุการณ์สำคัญของคลิปนั้นๆ ซึ่งมันก็คล้ายๆกับการมาร์คตำแหน่งช่วงสำคัญขณะถ่ายวิดีโอ ถือว่ามีประโยชน์มากเวลานำคลิปยาวๆมาตัดต่อภายหลังทำให้รู้ว่าควรตัดตรงไหนทิ้งได้บ้าง

4.Record ใน Smartphone




วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ปัญหาวัยรุ่นในยุคเทคโนโลยี

###ปัญหาวัยรุ่นในยุค เทคโนโลยี
          ปัจจุบันสังคมไทยประสบปัญหาต่างๆมากมาย ตามความเจริญของยุคสมัย ซึ่งแตกต่างกับสมัยก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ  ปัญหาสังคม  ปัญหาการเมือง   การศึกษาไม่เสมอภาคระหว่างสังคมเมืองกับสังคมต่างจังหวัด   ปัญหาวัยรุ่นในสถานศึกษา  แต่ถ้าจะว่าไปแล้วสังคมเราก็ใช่ว่าจะเลวร้ายไปทุกเรื่อง ยังมีสิ่งที่เรียกว่า  การพัฒนาที่ดี  ของสังคมเกิดขึ้นเสมอ ๆตามยุคสมัยของความเจริญ เช่น ความสะดวกสบายและเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ ที่ทำให้ประเทศไทยเกิดนวัตกรรมที่ทันสมัย มากกว่าสมัยก่อนมาก เช่นติดต่อสื่อสาร  การคมนาคมขนส่ง  ระบบการจัดเก็บข้อมูลที่ทันสมัย สะดวกรวดเร็ว เป็นต้น
          แต่ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับความเจริญ ด้านเทคโนโลยี  หรือ ยุคดิจิตอล ที่พบเห็นกันบ่อยๆในสังคมคือ ปัญหาวัยรุ่น  ซึ่งส่วนใหญ่ ยังไม่ตระหนัก  ขาดการยับยั้งการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้อง  ถึงแม้เทคโนโลยีจะมีประโยชน์มาก แต่ก็ก่อให้เกิดปัญหาตามมาเช่นกัน    ความเจริญด้าน  เทคโนโลยีมีบทบาทกับวัยรุ่นมากกว่าพ่อแม่ เมื่อเปรียบเทียบกับสมัยก่อน  ที่ส่วนใหญ่ พ่อแม่  จะมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับลูก ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะไม่เจริญเท่าใดนัก ยกตัวอย่างง่ายๆ เมื่อก่อนไปเรียนที่กรุงเทพ ก็จะเขียนจดหมายหาพ่อแม่  เพราะไม่มีโทรศัพท์มือถือ พ่อแม่ก็เขียนจดหมายตอบกลับมา กว่าจะถึงก็ใช้เวลาหลายวัน เพราะไม่มีโทรศัพท์มือถือ
          แต่ในปัจจุบันแค่โทรศัพท์หากันก็รู้เรื่องแล้ว ในยุคโลกาภิวัฒน์นี้ พ่อแม่มักไม่มีเวลาให้ลูกเพราะต้องทำงานหาเงิน ถ้าเป็นพ่อแม่ที่อยู่ตามต่างจังหวัดแล้ว ก็ต้องปล่อยให้ลูกอยู่กับปู่ย่าตายาย ซึ่งปู่ย่าตายาย ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเข้าถึงเทคโนโลยี มากนัก  วัยรุ่นส่วนใหญ่จึงได้รับอิทธิพลจาก สื่อ  จากโททัศน์ หมกมุ่นอยู่กับโทรศัพท์มือถือ รุ่นใหม่ๆ ที่พ่อแม่ ซื้อให้ เพราะต้องตามใจลูก ตามยุคสมัยที่ลูกเรียกร้อง
          วัยรุ่นเป็นวัยเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ในด้านร่างกาย  จิตใจ และอารมณ์  การเปลี่ยนแปลงทางเพศ  และที่สำคัญการรับรู้รู้ข่าวสารข้อมูล ย่อมมีความเร็วและง่ายกว่าวัยอื่น เพราะเป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็น และชอบเลียนแบบ  ถ้าขาดการชี้แนะที่ถูกต้องในด้านใดด้านหนึ่งแล้วย่อมก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้  โดยเฉพาะในยุคเทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทในสังคมนี้ รู้สึกว่าวัยรุ่นจะเป็นเป้าหมายหลักของ สื่อเทคโนโลยีต่างๆ  เช่น สื่อโฆษณาที่ทันสมัยที่เน้นบริโภคนิยม  ในยุคทุนนิยม   อุปกรณ์การสื่อสารที่ทันสมัย มีระบบการใช้งานที่สลับซับซ้อนและเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นในสถานศึกษา   ระบบการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วในคอมพิวเตอร์ที่ขาดการควบคมและสอดส่องดูแลจากพ่อแม่  หรือครู   หรือ พ่อแม่   และครูตามเทคโนโลยีไม่ทันเท่ากับลูกจึงไม่รู้ว่าตอนนี้วัยรุ่นกำลังทำอะไรอยู่  คุยกับใครอยู่เป็นเวลานานๆ  หรือ  นั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกๆวันโดยไม่คุยกับใคร
          ปัญหาวัยรุ่นในสถานศึกษาที่พบบ่อยๆคือ วัยรุ่นส่วนใหญ่จะมีอุปกรณ์สื่อสารที่ทันสมัย ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกในยุคนี้  เพราะจำเป็นและมีประโยชน์สำหรับการติดต่อสื่อสาร   แต่ปัญหาคือ วัยรุ่นมีค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง มีพฤติกรรมชอบเลียนแบบเพื่อนในห้องในการมีโทรศัพท์ราคาแพงๆ และไม่จำเป็น  โทรศัพท์ในห้องเรียน  พ่อแม่ต้อง ตามใจลูก  เพราะกลัวลูกจะไม่มาโรงเรียน หรือไม่มีอย่างลูกคนอื่น จึงเกิดค่านิยมที่ผิดๆขึ้นมาในยุคดิจิตอลนี้  นี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ ในสังคมต่างๆจังหวัดที่ ครูได้ประสบพบเจออยู่ทุกครั้ง  พ่อแม่ไม่มี เทคนิควิธีการในการหาเหตุผลมาอธิบาย ถึงคุณค่าแท้ และ  คุณค่าเทียม  ของเทคโนโลยี หรือ สังคมปัจจุบันนี้ป้อน ข้อมูลให้อย่างเดียว  แต่ไม่มีวิธีการ ชำระล้างสารพิษอันเป็นผลมาจากเทคโนโลยีเลย
          วัยรุ่นส่วนมาก  ติดเกมส์  โดยเฉพาะในเมือง และต่างจังหวัดที่ ร้านอินเตอร์เน็ต  สามารถเปิดได้ถึงเที่ยงคืน ภาวะติดเกมส์ของวัยรุ่นส่วนใหญ่ที่สังเกตเห็น คือ มาจากครอบครัวฐานะปานกลาง ถึง ดีมาก หรือแม้กระทั่งเด็กที่ไม่มีเงินก็ต้องร้องให้ขอเงินพ่อแม่ หรือ ขโมยเงินพ่อแม่ไปเล่นเกมส์  หรือเด็กที่มีฐานะขึ้นมา ก็จะมีคอมพิวเตอร์ในบ้านก็จะเล่นเกมส์ ดึกดื่นเที่ยงคืนโดยไม่หลับไม่นอน ไม่มีปฎิสัมพันธ์กับพ่อแม่ เมื่อเทียบกับสมัยก่อน  เกิดภาวะ  ไม่พูดจากับใคร เพราะ  ติดเกมส์   ความเป็นจริงแล้ว  เกมส์บางอย่างก็เป็นสิ่งที่ดี ฝึกสมองและช่วยเสริมการเรียนรู้ แต่ ส่วนใหญ่แล้ว เกมส์ของวัยรุ่นที่เล่นอยู่เท่าที่สังเกตเห็นจาก จะเป็นเกมส์ ที่เน้นการแข่งขันอย่างเอาเป็นเอาตาย  เน้นความก้าวร้าว การต่อสู้ที่รุนแรง ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว  จิตใจ ของวัยรุ่นนั้น จะรับข้อมูลแบบใด เมื่อมาโรงเรียนความก้าวร้าวที่สะสมมาจากสื่อประเภทนี้ ก็จะแสดงออกมา เป็นความก้าวร้าวต่อเพื่อนๆ  ต่อครู หรือ  ต่อ พ่อแม่  อยากจะบอกว่าจิตสำนึกของคนที่ผลิต โปรแกรม  ที่เป็นเกมส์สำหรับวัยรุ่น นั้นอยู่ที่ไหน หรือต้องการที่จะเน้นการตลาดเจาะกลุ่มวัยรุ่นอย่างเดียว  โดยปราศจากจิตสำนึกสาธารณะ และศีลธรรมบ้าง
          ปัญหาวัยรุ่นติด อินเตอร์เน็ต มากเกินไป  โดยเฉพาะ การติดต่อสื่อสารผ่าน ช่องทางสังคมในอินเตอร์เน็ต   (social  network) หรือ การคุยกัน ที่เรียกว่า   แชท ( chat ) ความจริงแล้วการติดต่อสื่อสารแบบนี้มีประโยชน์มาก ถ้ารู้ จัก   กาลเทศะ  หรือ กาลเวลาที่เหมาะสม โดยไม่ลืมไปว่าในสังคมแห่งความเป็นจริงนั้นการติดต่อสื่อสารที่นับว่าปลอดภัยที่สุดคือ การที่คนเราต้องเห็นหน้า รู้จักกันพอสมควรก่อนที่จะเชื่อใจกัน  แต่ปัญหาที่พบสำหรับวัยรุ่นที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ  การขาดวิจารณญาณ ในการติดต่อสื่อสารในโลก ไร้พรมแดน จะเห็นได้จาก วัยรุ่น รู้จัก กันทางอินเตอร์เน็ตแล้ว เชื่อทันที โดยที่พ่อแม่ไม่รู้ไม่เห็น จึงเกิดการติดต่อสื่อสารกันและ บางกรณีมีการล่อลวงกัน หรือหลอกลวงกัน เกิดธุรกรรมที่ผิดกฎหมายเกิดขึ้นในอินเตอร์เน็ตเพราะ ในโลกไร้พรมแดนนั้นเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ใครเป็นใคร หรือเป็นคนดีหรือเลว  ทำให้วัยรุ่นส่วนใหญ่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา  ลืมกิจกรรมในโลกแห่งความเป็นจริงกับครอบครัว  เช่นคุยกับพ่อแม่ ญาติพี่น้องน้อยลง   เกิดปฏิสัมพันธ์กันในครอบครัวน้อยลงกว่าเดิม  เชื่อคนในอินเตอร์เน็ตมากกว่าพ่อแม่  เพราะ ไปให้ความสำคัญกับกิจกรรมประเภทนี้มากเกินไป  วัยรุ่นหมดเวลาไปกับการเล่นอินเตอร์เน็ต จนทำให้เกิด การเสียเวลา และเสีย เงินไปโดยใช่เหตุ
          ปัญหาที่พบอีกอย่างหนึ่งคือ วัยรุ่นในยุคนี้บางครั้งขาดความอดทนและขาดการแสวงหาความรู้  เพราะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยมาก จนไม่อยากอ่านหนังสือ  เพราะ  คลิก เอา เร็วกว่า หมายความว่า ค้นหาในอินเตอร์เน็ตเร็วกว่า  ห้องสมุดอาจจะเป็นแค่ ที่เก็บหนังสือเก่าๆอย่างเดียว  เพราะ วัยรุ่นส่วนใหญ่จะ มี คอมพิวเตอร์ชนิดพกพา หรือ โน้ตบุ๊ก เมื่อจะต้องคนคว้าและเขียนรายงาน  หรือหาความรู้ที่ต้องอาศัยความอดทนและความพยายาม แล้ว มักไม่ค่อยอดทน หรือชอบค้นคว้าในห้องสมุด   เพราะ ไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต  เกิดการคัดลอก โดยไม่บอกว่าเอามาจากไหน เพราะหาข้อมูล  มาอย่างรวดเร็ว จนไม่ได้ใช้ความคิดตัวเอง  จึงทำให้เกิดปัญหาเด็กเขียนเรียงความภาษาไทยไม่เป็น  เขียนภาษาไทยไม่ได แม้จะอยู่ระดับพออ่านออกเขียนได้ กลับเขียนภาษาไทยง่ายๆไม่ถูก  เมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่ เด็กจะเข้าห้องสมุด  จดข้อมูลและค้นคว้าตามห้องสมุดทำให้เด็กสมัยก่อนเขียนภาษาไทยได้คล่องกว่าวัยรุ่นสมัยนี้  อุปกรณ์การเรียนก็ทันสมัย  ไม่ต้องต้องจดใส่สมุดก็มีข้อมูลได้อย่างมากมาย   เพียงแค่มีเครื่องมือเก็บข้อมูล อันทันสมัย ที่เรียกว่า HANDY DRIVE ก็สามารถเขียนรายงานได้แล้ว

ผลด้านบวกของเทคโนโลยี

>>ผลกระทบทางการสร้างเสริมคุณภาพชีวิต
          มีการพัฒนาใช้ระบบสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อติดต่อสื่อสารให้สะดวกขึ้น มีการประยุกต์มาใช้กับเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน  นำมาควบคุมอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้าน ตัวอย่างเช่น แนวคิดบ้านอัจฉริยะ ที่มีการควบคุมการทำงานของบ้านภายใน ผ่านระบบปฏิบัติการที่จะสั่งงานอุปกรณ์ที่อยู่ในบ้านได้ เช่น
*การใช้กล้องวงจรปิด  ปัจจุบันกล้องวงจรปิดได้ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายมาก เนื่องมาจากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์, โทรทัศน์, อินเทอร์เน็ต ฯลฯ ซึ่งเหตุการณ์ร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นส่วนถูกบันทึกโดยกล้องวงจรปิด เลยทำให้ผู้คนหันมาติดกล้องวงจรปิดกันมากขึ้น โดยกล้องวงจรปิดที่อยู่ตามอาคาร ทางเข้า หรือที่สาธารณะต่างๆ ก็เพื่อจุดประสงค์ทางด้านการรักษาความปลอดภัย ซึ่งกล้องวงจรปิดเหล่านี้ จะมีความสามารถในการเก็บภาพเป็นจำนวนมากมายหลายเฟรมต่อเนื่องกัน เพื่อมาเก็บไว้ที่เครื่องบันทึกวิดีโอ ทั้งยังสามารถดูผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ หากเราเดินทางไปต่างจังหวัด เพื่อเปิดดูเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่บ้าน
*การใช้ GPS นำทาง เครื่องรับสัญญาณ GPS รับสัญญาณ GPS ในเครื่องตัวโปรแกรม ที่ได้ติดตั้งไว้ในเครื่องรับสัญญาณจะแสดงตำแหน่งปัจจุบันบนแผนที่ที่ถูกติดตั้งไว้ภายในเครื่องแล้วเช่นกัน แผนที่สาหรับการนาทางจะเป็นแผนที่ชนิดพิเศษที่มีการกำหนดทิศทางการจราจร เช่น การ จราจรแบบชิดซ้ายหรือชิดขวา ข้อมูลการเดินรถทางเดียว สถานที่สำคัญ และข้อมูลทางภูมิศาสตร์ต่างๆ ฝังไว้ในข้อมูลแผนที่นั้นแล้ว ข้อมูลเหล่านี้ได้จากการสำรวจและตั้งค่าไว้โดยบริษัทหรือองค์กร ที่ผลิตแผนที่ฐานนั้นๆ ในแต่ละทางแยกก็จะมีการกำหนดค่าเอาไว้ด้วยเช่นกันเพื่อให้ตัวโปรแกรมสามารถเลือกการเชื่อมต่อของเส้นทางจนถึงจุดหมายที่ได้กำหนดไว้

>>ผลกระทบด้านสังคม
          การเสริมสร้างความเสมอภาคในสังคมและการกระจายโอกาส เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้การกระจายข่าวสารไปได้ทั่วทุกหนแห่ง แท้แต่ในถิ่นทุรกันดาร เช่นการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (Distance Learning) เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่เกิดขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 20 เพื่อสนองความต้องการของสังคมปัจจุบันซึ่งเป็นสังคมข่าวสาร หรือสังคมของการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม เป็นการเปิดโอกาสทางการศึกษาไปสู่บุคคลกลุ่มต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ทำให้เกิดการศึกษาตลอดชีวิต ที่บุคคลสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง

>>ผลกระทบการรักษาพยาบาลผ่านเครือข่ายสื่อสาร
          เรียกอีกอย่างว่า การรักษาโรคทางไกล (Telemedicine) คือการนำเทคโนโลยีด้านไอที และเทคโนโลยีด้านการสื่อสารโทรคมนาคม (โทรศัพท์, คลื่นวิทยุ, คลื่นไมโครเวฟ , wi-fi, เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ , 3G , 4G, ดาวเทียม เป็นต้น) มาช่วยในการตรวจวินิจฉัยโรค รักษาโรค และดูแลผู้ป่วย โดยมักจะมุ่งไปเพื่อการนำบริการด้านสาธารณสุขให้เข้าถึงพื้นที่ที่ห่างไกลและขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญและบริการด้านสุขภาพโดยใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วและเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งการทำ Telemedicine นี้ เป็นได้ตั้งแต่ง่ายๆเพียงแค่การทำตารางนัดหมายแบบออนไลน์ ไปจนถึงการผ่านตัดทางไกล ( remote surgery) เลยก็ได้

 >>ผลกระทบการจัดทรัพยากรธรรมชาติหลายอย่างจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
         การดูแลรักษาป่า จำเป็นต้องใช้ข้อมูล มีการใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียม การติดตามข้อมูลสภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศ การจำลองรูปแบบสภาวะสิ่งแวดล้อมเพื่อปรับปรุงแก้ไข การเก็บรวบรวมข้อมูลคุณภาพน้ำในแม่น้ำต่าง ๆ การตรวจวัดมลภาวะ ตลอดจนการใช้ระบบการตรวจวัดระยะไกลมาช่วยที่เรียกว่า โทรมาตร เป็นต้น

>>ผลกระทบด้านการเรียนการสอน
           ในสถานศึกษามีการนำคอมพิวเตอร์และเครื่องมือประกอบช่วยในการเรียนการสอน เช่น วิดีทัศน์ เครื่องฉายภาพ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการศึกษา จัดตารางสอน คำนวณระดับคะแนน จัดชั้นเรียน ทำรายงานเพื่อให้ผู้บริหารได้ทราบถึงปัญหาและการแก้ปัญหาในโรงเรียน ปัจจุบันมีการเรียนการสอนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในสถานศึกษามากขึ้น

ผลด้านลบของเทคโนโลยี

ผลกระทบในทางลบของเทคโนโลยี

>>ผลกระทบด้านสุขภาพ
          ปัจจุบันมีการใช้คอมพิวเตอร์กันอย่างแพร่หลาย ทั้งเล่นเกม พิมพ์งาน เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แต่เมื่อเทคโนโลยีมีการพัฒนาไม่หยุดนิ่ง กิจกรรมข้างต้นสามารถทำผ่านช่องทางอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็น Smart Phone Tablet แน่นอนว่า อุปกรณ์ที่ทันสมัยหากใช้ไม่ถูกต้องเหมาะสม แทนที่จะเกิดประโยชน์ ก็อาจเกิดโทษได้ทำกิจกรรมอะไรก็ตามเกี่ยวกับเทคโนโลยีจอใหญ่ จอเล็ก ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ การนั่งนาน ๆ จ้องนาน ๆ ไม่พ้นเป็นภาระดวงตา นิ้ว มือ แขน ไหล่ หลัง ก้น และขา ไม่ว่าเด็ก วัยรุ่น เยาวชน วัยกลางคน ผู้สูงอายุ หลายคนจะฝืนเพื่อความอยากรู้ อยากเห็น ด้วยความเพลิดเพลินทางอารมณ์ ต้องการรู้เหนือผู้อื่น ต้องการเป็นหนึ่งว่าข้าแน่ รู้ทุกอย่างที่คนอื่นไม่รู้ เพื่อจะเด่นในอาชีพ วิชาชีพของตนเอง จึงเป็นที่มาของโรคเงียบซึ่งเป็นภัยทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ผลกระทบด้านร่างกาย คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับดวงตา และโรคทางกล้ามเนื้อ กระดูก ซึ่งจะทำให้มีโรคประจำตัวไปจนกระทั่งแก่เฒ่า และทำให้เป็นทุกข์ตลอดชีวิต  โรคเกี่ยวกับดวงตา การจ้อง เป็นเวลานาน ถ้าระดับที่วางความสว่างไม่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อระบบของการกลอกตา ระบบกล้ามเนื้อและประสาท ซึ่งจะเกิดหลังจากใช้สายตานานผิดปกติ ทำให้เกิดอาการดวงตาล้า ดวงตาตึงเครียด ตาช้ำ ตาแดง แสบ
          พญ.ดารณี สุวพันธ์ ผอ.ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงโรคทางกล้ามเนื้อ กระดูก ว่า การนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ หากนั่งในท่าไม่เหมาะสม หน้าจออยู่ต่ำกว่าระดับสายตา ต้องก้ม ๆ เงย ๆ อาจทำให้กระดูกคอเสื่อม กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ ปวดคอ ปวดบ่า ปวดข้อมือ ปวดนิ้วมือและปวดหลังได้ ที่พบบ่อย คือ อาการปวดคอ มีอาการตึงเมื่อย เพราะอยู่ในท่าเดียวนาน ๆ พบมากในคนที่ทำงานออฟฟิศต้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ดังนั้นท่านั่งจึงมีความสำคัญ
          ด้าน พญ.สุธีรา ริ้วเหลือง จิตแพทย์ กลุ่มงานจิตเวช สาขาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น รพ.พระนั่งเกล้า กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบด้านจิตใจว่า การใช้คอมพิวเตอร์ Smart Phone Tablet  มีทั้งด้านดีและไม่ดี ด้านดี คือ ได้เปิดความรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความคิดเห็น เกิดกระบวนพัฒนาได้อย่างรวดเร็วทันใจ สะดวกในการค้นคว้าข้อมูล ได้สังคมเพิ่มขึ้น ทำให้มีการพัฒนาของสมอง เกิดการแก้ไขปัญหา พัฒนากระบวนการเรียนรู้ ฝึกการแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและมีมาตรฐานด้านไม่ดี คือ ใช้ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ควบคุมไม่ได้ ตัวหมอจะห่วงเด็กหลายคนที่ยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เด็กจะใช้สิ่งเหล่านี้ในการเล่นเกม ค้นหาอะไรที่ไม่เหมาะสมกับวัย เช่น เรื่อง sex ที่สามารถรับรู้หรือเห็นข้อมูลได้ทันที หรือสามารถเห็นหน้ากันได้ แสดงออกได้เต็มที่ แบบไร้ขอบเขต ผ่านทางfacebook Twitter Skype  นำไปสู่ปัญหาการมี sex ก่อนวัยอันควร และมีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องคือผู้ที่ใช้บ่อยอาจจะเก่งคอมพิวเตอร์ เก่งเรื่องเทคโนโลยี แต่อาจจะมีปัญหา เรื่องอารมณ์ ความก้าวร้าว หุนหันพลันแล่น ขาดการยับยั้งชั่งใจ เพราะไม่เคยถูกฝึก มีปัญหาติดเกม การเรียนตกต่ำ เล่นเกมมากก็มีอารมณ์ เล่นแพ้ก็หงุดหงิด ยิ่งในปัจจุบันเกมมีมากขึ้น รูปแบบค่อนข้างเหมือนจริง แม้จะมีการควบคุมแต่ระบบการควบคุมยังไม่ชัดเจน บางทีเด็กเล่นเกม ไม่ได้ต่อต้านการเล่นเกม แต่การเล่นต้องมีกฎกติกา
          นับตั้งแต่เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทมากในชีวิตประจำวัน การใช้เทคโนโลยีเป็นไปอย่างกว้างขวาง ซึ่งหมายถึงการใช้เทคโนโลยีไปในด้านต่างๆ ซึ่งแน่นอนที่ทุกสิ่งย่อมมีทั้งคุณและโทษ ภาพยนตร์หลายเรื่องได้สะท้อนความคิดของการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในทางลบ ผลกระทบในทางลบเหล่านี้บางอย่างเป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้นอาจไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่อย่างไรก็ตามย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้

>>ผลกระทบทำให้เกิดอาชญากรรม
          เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นหนทางในการก่ออาชญากรรมได้ โจรผู้ร้ายอาจใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการวางแผนปล้น วางแผนโจรกรรม มีการลักลอบใช้ข้อมูลข่าวสาร มีการโจรกรรมหรือแก้ไขตัวเลขบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์ การลอบเข้าไปแก้ไขข้อมูลอาจทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น การแก้ไขระดับคะแนนของนักศึกษา การแก้ไขข้อมูลในโรงพยาบาลเพื่อให้การรักษาพยาบาลคนไข้ผิด ซึ่งเป็นการทำร้ายหรือฆาตกรรมดังที่เห็นในภาพยนตร์

 >>ผลกระทบทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย
          การใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสาร ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องเห็นตัว การใช้งานคอมพิวเตอร์หรือแม้แต่การเล่นเกมมีลักษณะการใช้งานเพียงคนเดียว ทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นลดลง ผลกระทบนี้ทำให้มีความเชื่อว่า มนุษยสัมพันธ์ของบุคคลจะน้อยลง สังคมใหม่จะเป็นสังคมที่ไม่ต้องพึ่งพากันมาก อย่างไรก็ดีได้มีงานวิจัยคัดค้านและแสดงความคิดเห็นที่ว่าเทคโนโลยีได้ช่วยให้มนุษย์มีการติดต่อสื่อสารถึงกันมากขึ้นและความสัมพันธ์ดีขึ้น

>>ผลกระทบทำให้เกิดความวิตกกังวล
          ผลกระทบนี้เป็นผลกระทบทางด้านจิตใจของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่มีความวิตกกังวลว่า คอมพิวเตอร์อาจทำให้เกิดการว่าจ้างงานน้อยลง มีการนำเอาหุ่นยนต์มาใช้ในงานมากขึ้น มีระบบการผลิตที่อัตโนมัติมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้แรงงานอาจตกงาน หรือหน่วยงานอาจเลิกว่าจ้างได้ โดยความจริงแล้วความคิดเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับบุคลากรบางกลุ่มเท่านั้น แต่ถ้าบุคคลนั้นมีการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยี หรือมีการพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถสูงขึ้นแล้วปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้น

>>ผลกระทบทำให้เกิดการเสี่ยงภัยทางด้านธุรกิจ
          ธุรกิจในปัจจุบันจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดของธุรกิจฝากไว้ในศูนย์ข้อมูล เช่น ข้อมูลลูกหนี้การค้า ข้อมูลสินค้าและบริการต่างๆ หากเกิดการสูญหายของข้อมูล อันเนื่องมาจากเหตุอุบัติภัย เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือด้วยสาเหตุใดก็ตามที่ทำให้ข้อมูลหายหมด ย่อมทำให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรง

>>ผลกระทบทำให้มีการพัฒนาอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูง
          ประเทศที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี สามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยในการสร้างอาวุธที่มีอานุภาพการทำลายสูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดสงครามและมีการสูญเสียมากขึ้น

>>ผลกระทบทำให้เกิดการแพร่วัฒนธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสมอย่างรวดเร็ว
          คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด การนำมาใช้ในทางใดจึงขึ้นอยู่กับผู้ใช้ จริยธรรมการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเรื่องสำคัญ ดังเช่นการใช้งานอินเทอร์เน็ตมีผู้สร้างโฮมเพจหรือสร้างข้อมูลข่าวสารในเรื่องภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น ภาพอนาจาร หรือภาพที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย การดำเนินการเช่นนี้ย่อมขึ้นอยู่กับจริยธรรมของผู้ดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีการปลอมแปลงระบบจดหมาย เพื่อส่งจดหมายถึงผู้อื่นโดยมีเจตนากระจายข่าวที่เป็นเท็จ จริยธรรมการใช้งานเครือข่ายเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปลูกฝังอย่างมาก

>>ผลกระทบทำให้ข้อมูลหรือโปรแกรมถูกทำลายได้ง่าย
          ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศมีการพัฒนามาก ข้อมูลก็มีความสำคัญมากขึ้นตามไปด้วย เทคโนโลยีทำให้ข้อมูลถูกทำลายได้ง่าย อาจจะถูกทำลายด้วยไวรัสคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่งที่สามารถทำสำเนาตัวเองเข้าไปอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้ สามารถแพร่ไปยังระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ไวรัสคอมพิวเตอร์บางชนิดทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลต่างๆ บางชนิดทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง ผลกระทบต่อการทำงานของคอมพิวเตอร์นั้นขึ้นอยู่กับประเภทของไวรัสคอมพิวเตอร์และจุดประสงค์ของผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น ว่าต้องการให้โปรแกรมทำงานอย่างไร ทั้งนี้เราก็ควรจะปลูกฝังให้เยาวชนมีจิตสำนึกที่ดี ไม่ให้ทำลายข้อมูลผู้อื่น ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้

>>ผลกระทบจริยธรรมของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต
          เนื่องจากในโลกของการติดต่อสื่อสารที่ไร้พรมแดนอาจทำให้ข้อมูลสารสนเทศที่ได้รับมีเนื้อหาทั้งเหมาะสมและไม่เหมาะสม บ่อยครั้งที่การส่งผ่านข้อมูลระหว่างกันเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล ซึ่งอาจทำให้บุคคลที่สามเกิดความเสียหายได้ หรือแม้กระทั่งเนื้อหาของสารสนเทศที่ปรากฏอยู่ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นเรื่องยากที่จะควบคุม มิให้มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งในปัจจุบันกลไกของรัฐกำลังพยายามเข้าไปจัดการกับปัญหาดังกล่าวแต่ก็มีข้อจำกัดในหลายๆ ประการที่ไม่สามารถเข้าไปจัดการได้ทั้งหมด ทางออกของการแก้ไขปัญหาดูเสมือนหนึ่งว่าจะต้องหันกลับมาให้ความสำคัญกับประเด็นทางจริยธรรมในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการสร้างสรรค์มากกว่าเพื่อการทำลาย ดังนั้นการปลูกฝังจิตสำนึกในเรื่องทางจริยธรรมคงจะเป็นสิ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าวได้ในระยะยาวปัญหาที่พบในปัจจุบัน คือ
*1. การแพร่ระบาดของเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมมีจำนวนมากขึ้น อาทิ เว็บไซต์ลามกอนาจาร เว็บไซต์บริการทางเพศ เว็บไซต์เกี่ยวกับการพนัน เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับยาเสพติดเว็บไซต์ที่ขายของผิดกฎหมายหรือละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบอย่างทั่วถึงเป็นไปได้ยาก
*2. เว็บแคม (webcam) หรือ เว็บแคเมรา (web camera) เป็นกล้องที่ส่งสัญญาณภาพผ่านทางคอมพิวเตอร์สำหรับใช้งานผ่านทางอินเตอร์เน็ต โดยที่แต่ละฝ่ายสามารถเห็นภาพกันและกันขณะพูดคุย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการประชุมออนไลน์ แต่ขณะเดียวกัน เว็บแคมก็เป็นสื่อที่ใช้ในการชมและถ่ายทอดกิจกรรมทางเพศ หรือแสดงลามกทางอินเทอร์เน็ตที่เป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น
*3.  อาชญากรคอมพิวเตอร์ เช่น แฮกเกอร์ (Hacker) บางคนที่พยายามหาวิธีการหรือช่องโหว่ของระบบ เพื่อแอบลักลอบเข้าสู่ระบบ เพื่อล้วงความลับหรือแอบดูข้อมูลข่าวสาร อาทิ ลักลอบใช้ข้อมูลบัตรเครดิต ลบรายชื่อผู้ใช้งานในระบบ และบางครั้งมีการทำลายข้อมูลข่าวสารหรือทำความเสียหายให้กับองค์กร
*4. การใช้ภาษาไทยที่ไม่ถูกต้องใน Facebook  การใช้ Facebook ของวัยรุ่นไทยในปัจจุบัน เท่าที่พบเห็นและน่าเป็นห่วง เยาวชนไทยรุ่นใหม่ที่เริ่มหัดใช้ Facebook คือ การใช้คำ ข้อความด้วยพิมพ์ภาษาไทยที่ไม่ถูกหลักภาษา กล่าวคือ พิมพ์กันผิดๆ เช่น จุงเบย  เป็นต้น

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เทคโนโลยีกับการใช้ชีวิตประจำวัน

       ในโลกยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วทำให้ชีวิตของมนุษย์ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในการใช้ชีวิตประจำวันอยู่เสมอ การใช้ชีวิตของคนเราในปัจจุบันได้มีการใช้เทคโนโลยีตั้งแต่เริ่มตื่นนอน เพราะในการตื่นนอนก็จะต้องใช้นาฬิกาปลุกหรือมือถือตั้งปลุก มาถึงในเรื่องการรับประทานอาหารก็ต้องใช้ไมโครเวฟในการทำอาหาร ไม่ว่าจะซักผ้าหรือทำความสะอาดบ้าน หรือทำอะไรก็ตามมนุษย์เราก็มักจะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าและพึ่งพิงเทคโนโลยีอยู่เสมอ การใช้เทคโนโลยีของมนุษย์ที่เห็นได้ชัดเจนก็คงจะหนีไม่พ้นการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันโดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์มือถือ ในยุคนี้คงยากที่จะปฏิเสธได้ว่าโทรศัพท์มือถือไม่มีความจำเป็นสำหรับมนุษย์  การใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการทำงาน การหาข้อมูลและความบันเทิง การรับ-ส่ง E-mail การสนทนาออนไลน์ การเล่นเกมส์ออนไลน์ หรือแม้กระทั่งการรับข้อมูลข่าวสารผ่านคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตก็สามารถ อำนวยความสะดวกในเรื่องการติดต่อสื่อสารระหว่างกันของมนุษย์ให้เป็นเรื่องที่ง่ายดายขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดเวลาไหนเราก็จะสามารถที่จะหาข้อมูลและข่าวสารที่เกิดขึ้น ในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกได้อย่างทันท่วงที เทคโนโลยีก่อประโยชน์ แก่ระบบการศึกษามากขึ้น มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการศึกษาสามารถเร่งอัตราการเรียนรู้ให้เร็วขึ้น ลดภาระทางด้านการบริหารของครูและยังทำหน้าที่แทนครูในการถ่ายทอดเรื่องราว หรือข่าวสารประจำวันต่าง ๆ การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสมนั้นเป็นการขยายขอบเขตของการเรียนรู้ออก ไปได้อย่างกว้าง ระบบการสื่อสารในปัจจุบันได้ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับคนเรา ดังนั้นสื่อการสอนในยุคใหม่นี้จึงสามารถจำลองสถานการณ์จริง ช่วยย่นระยะทางและเหตุการณ์ที่อยู่คนซีกโลกมาสู่นักเรียนได้ ทำให้การเรียนเป็นไปอย่างฉับพลันยิ่งขึ้น เทคโนโลยีการสอนเปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมโยงระหว่างที่อยู่ภาย นอกโรงเรียนและโลกที่อยู่ภายในโรงเรียน ทำให้เกิดความเสมอภาคของการศึกษามากขึ้น และทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้ทุกหนแห่ง เทคโนโลยีพร้อมที่จะหยิบยื่นความรู้ให้แก่ทุกคนเสมอ  คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตก็ยังถูกนำมาใช้ในเรื่องการค้าและพาณิชย์ด้วยเช่นกัน  จะ เห็นได้จากการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ในแต่ละวันล้วนต้องใช้และพึ่งพา เทคโนโลยีตลอดเวลา ไม่ว่าจะดำเนินกิจกรรมใด ๆ ก็ตามก็มักจะมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง และเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ ก็ยังสามารถที่จะเชื่อมต่อกันได้จึงทำให้เราสามารถที่จะติดต่อกับบุคคลอื่น ๆ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่และเวลา อย่างไรก็ตามในการใช้เทคโนโลยีนั้นเราก็ควรใช้เทคโนโลยีในทางที่ก่อให้เกิด ประโยชน์แก่ตัวเรามากที่สุด ไม่ควรใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด และในบางครั้งมนุษย์เราก็ควรหันมาทำอะไรด้วยตนเองโดยไม่พึ่งพิงเทคโนโลยี บ้างเพื่อให้เราได้รู้จักใช้สมองและร่างกายของเราฝึกทำอะไรด้วยตนเองก่อนที่ มนุษย์เราจะต้องตกเป็นทาสของเทคโนโลยี